• Sat. Apr 1st, 2023

เปิดใจ “ครูยุ่น” นั่งเคลียร์ทุกคำถาม ปม “ทำร้ายร่างกาย –ใช้แรงงานเด็ก” ในมูลนิธิ

ByLoretta Vasquez

Nov 4, 2022
เปิดใจ ครูยุ่น

นายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่น เข้ารับทราบข้อหา ทำร้ายร่างกายรวมทั้ง พ.ร.บ.แรงงาน ตามหมายเรียกของพนักงานที่ทำหน้าที่สอบสวน สภ.อัมพวา แล้ว พร้อมยืนยัน เจตนา คือการทำโทษอบรม ไม่ใช่การทำร้ายทารุณ รวมทั้งพร้อมตอบคำถามกับสื่อมวลชนในทุกประเด็น

ครูยุ่น

ครูยุ่น รับทราบข้อกล่าวหา

นายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก จังหวัดสมุทรสงคราม เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดีทำร้ายร่างกายเด็กรวมทั้งเยาวชนในมูลนิธิ รวมทั้งความผิดตาม พ.ร.บ.แรงงาน โดยให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันว่า การตีเด็กในคลิปวิดีโอที่ปรากฏ เกิดขึ้นภายหลังการกระทำผิดของเด็กๆ

โดยอ้างว่า เด็กๆลงเล่นน้ำในแม่น้ำแม่กลอง โดยในกลุ่มมีเด็กว่ายไม่เป็น ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามรวมทั้งเป็นอันตรายต่อชีวิต รวมทั้งมีบางคนยุ่งเกี่ยวยาเสพติด โดยพยายามชักชวนคนอื่นๆด้วย จึงทำโทษอบรม ไม่ใช่เจตนาการทำร้ายทารุณ

ส่วนประเด็นการรื้อข้าวของ รื้อเสื้อผ้ารวมถึงการเทสิ่งปฏิกูลสวมเสื้อผ้าของเด็กๆตามคำที่เด็กกล่าวอ้างเล่าให้กับกลุ่มนักศึกษาจิตอาสาฟังนั้น นายมนตรี ยอมรับว่า เป็นคนรื้อเสื้อผ้าออกมากองรวมกันจริง พร้อมกล่าวถึงว่าเสื้อผ้าที่กองรวมกันในภาพเป็นเสื้อผ้าที่ถูกใส่แล้ว แต่มีเด็กบางคนที่ไม่ยอมซัก แต่กลับนำไปซุกซ่อนตามตู้ตามล็อกเกอร์ เมื่อตัวเองทราบจึงรื้อออกมารวมทั้งทำโทษเด็ก โดยการให้คัดเลือกแยกนำเสื้อผ้าไปซัก เก็บพับ ให้เรียบร้อย

กล้องวงจรปิด

ครูยุ่น ยืนยันว่า รีสอร์ทเป็นธุรกิจครอบครัวจริง แต่ไม่เคยว่าจ้าง หรือใช้แรงงานเด็กๆทำงาน

ยังมีประเด็นการใช้งานเด็กรวมทั้งเยาวชน ที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิให้เข้าทำงานในรีสอร์ทซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัว นายมนตรี ยืนยันว่า รีสอร์ทเป็นธุรกิจครอบครัวจริง แต่ไม่เคยว่าจ้าง หรือใช้แรงงานเด็กๆทำงาน ภาพที่ปรากฏเป็นลักษณะเด็กตามไปช่วยงาน บ้างก็ไปนั่งเล่นตามปกติไม่มีการจ่ายค่าจ้างหรือจำกัดเวลาบังคับทำงาน

ขณะที่ประเด็นการหักเงินค่าขนมหรือเงินไปโรงเรียน ซึ่งทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยถึงเงินบริจาคที่มูลนิธิได้รับว่าอาจจะจัดสรรไม่โปร่งใส นายมนตรี แจกแจงว่า การหักเงินมีจริงแต่เป็นการหักเงินเพื่อทำโทษ ซึ่งจะหักครั้งละ 5 บาทถึง 10 บาท ในกรณีที่เด็กไม่ทำหน้าที่ของตน ได้แก่ไม่ทำงานบ้าน ตามตารางเวนที่แบ่งหน้าที่กัน ซึ่งเงินที่ถูกหักก็จะถูกเพิ่มเติมให้กับคนอื่นที่ทำหน้าที่ของตน ตามกฎระเบียบ ไม่ได้หักแล้วเก็บไว้เอง

เด็กๆ

แก้วสรร กล่าวว่า เงินบริจาคของมูลนิธิมีบัญชีรายรับ รายจ่ายชัดเจน

นายแก้วสรร อติโพธิ ประธานมูลนิธิคุ้มครองเด็ก รวมทั้งนายมนตรี ย้ำว่า เงินบริจาคของมูลนิธิมีบัญชีรายรับ รายจ่ายชัดเจน ซึ่งตัวเองในฐานะประธานได้รับรายงานเป็นประจำทุกปีสามารถตรวจสอบได้

ส่วนเรื่องใบอนุญาตการตั้งขึ้นสถานสงเคราะห์เด็ก ฉบับตอนนี้จะหมดอายุในช่วงเดือนมกราคม 2566 นายมนตรี กล่าวว่า ถ้าเกิดภาครัฐไม่พิจารณาต่อใบอนุญาตก็จำใจต้องปิดสถานสงเคราะห์ลง แต่มูลนิธิยังสามารถดำเนินการต่อได้ เพราะเหตุว่าคนละส่วนกัน เด็กที่จะอยู่ต่อก็อยู่ได้ ส่วนที่สมัครใจกลับบ้านหรือไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นๆก็ยินดี ไม่มีจำกัดอิสรภาพ

ส่วนการดำเนินการที่ผ่านมา มีครูพี่เลี้ยงจำนวน 5 คน มีจำนวนเด็กอยู่ที่ประมาณ 50 ถึง 60 คน ซึ่งเด็กแต่ละคนก็ต่างที่มาจากทั่วประเทศ พร้อมยอมรับว่า การดูแลเด็กต่างที่มา ต่างช่วงวัยย่อมมีนิสัยรวมทั้งพฤติกรรมแตกต่างกันไป ทำให้การสั่งสอน ดูแล มีความแตกต่างกันไปด้วย แต่มีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพบ้าง การลงโทษด้วยการตีบ้าง ล้วนเป็นเจตนาเพื่อการสั่งสอน

สำหรับการช่วยเหลือเด็ก จนกระทั่งขณะนี้มีเด็กรวมทั้งเยาวชน ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงพัฒนาสังคมรวมทั้งความมั่นคงของมนุษย์ รวม 29 คน ด้วยกัน คือกลุ่มแรก 8 คน รวมทั้งกลุ่มเมื่อวานอีก 21 คน โดยมีช่วงวัยตั้งแต่ 1 – 20 ปี ส่วนเด็กรวมทั้งเยาวชนที่ยังอยู่ในมูลนิธิ อีกแทบ 30 ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมรวมทั้งความมั่นคงของมนุษย์ ยืนยันจะเข้ารับตัวทั้งหมด ออกมาอยู่ในความคุ้มครองสวัสดิภาพ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 อย่างรวดเร็วที่สุด

กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์